ข้อดีของการใส่รากฟันเทียม

ใส่รากฟันเทียม

รากฟันเป็นส่วนของฟันที่ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรและมีเหงือกปกคลุมอยู่ ในผู้ที่ฟันผุมากจนถึงรากฟัน มีการติดเชื้อบริเวณเนื้อเยื่อในโพรงฟันและคลองรากฟันอย่างรุนแรง จนไม่สามารถรักษารากฟันได้ และต้องสูญเสียฟันไป กลุ่มคนเหล่านี้จำเป็นต้องทำการใส่รากฟันเทียมเพื่อรองรับการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ หรือฟันปลอมแบบติดแน่น

สำหรับใครที่สูญเสียฟันแท้ไป แล้วจำเป็นต้องทำรากเทียม หรือใส่รากฟันเทียม แต่ยังไม่อยากทำ เพราะคิดว่าราคาค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง ในบทความนี้ เราได้รวบรวมข้อดีของการใส่รากฟันเทียม รับรองว่าอ่านแล้วจะต้องเปลี่ยนใจไปทำรากฟันเทียมอย่างแน่นอน

ทำไมถึงต้องใส่รากฟันเทียม

รากฟันเทียม (Dental Implant) คือ วัสดุที่ใช้ทดแทนรากฟันที่สูญเสียไป มีลักษณะคล้ายนอตหรือสกรู ใช้ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกรแทนที่รากฟันเดิม โดยส่วนใหญ่แล้วจะทำจากโลหะผสมไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายของมนุษย์ได้ดี

การใส่รากฟันเทียมนั้น ทำเพื่อรองรับการใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ครอบฟัน” (Crown) เป็นหลัก ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดฟันล้ม เพราะหลังจากที่สูญเสียฟันไปแล้ว จะเกิดช่องว่างระหว่างฟัน หากไม่ทำการรักษาก็จะทำให้ฟันซี่ข้าง ๆ เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมจนทำให้เกิดฟันล้มนั่นเอง

ใส่รากฟันเทียม

ส่วนประกอบของรากฟันเทียม

การใส่รากฟันเทียม มี 3 ส่วนประกอบหลัก ๆ ได้แก่

  • สกรู (Screw) เป็นส่วนของรากฟันเทียม วัสดุทำมาจากโลหะผสมไทเทเนียม โดยทันตแพทย์จะฝังเข้าไปในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่ยึดตัวฟันเทียมให้มั่นคงแข็งแรง
  • อะบัตเมนท์ (Abutment) เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่างรากฟันเทียมและครอบฟัน ทำหน้าที่เป็นแกนฟันที่ยึดติดรากฟันเทียมและครอบฟันเข้าไว้ด้วยกัน
  • ครอบฟัน (Crown) หรือที่เรียกว่า “ฟันปลอมแบบติดแน่น” เป็นส่วนของตัวฟันที่ทำมาจากเซรามิก มีสีและรูปร่างเหมือนกับฟันธรรมชาติ ทำหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหารเป็นหลัก

ชนิดของการทำรากฟันเทียม

การรักษารากฟันเทียม หรือการทำรากฟันเทียม แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่ การทำรากฟันเทียมแบบดั้งเดิม (Conventional Implant) การทำรากฟันเทียมหลังถอนฟันทันที (Immediate Implant Placement) และการทำรากฟันเทียมพร้อมฟันปลอม (Immediate Loaded Implant) ซึ่งแต่ละชนิดจะมีข้อจำกัดในการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. การทำรากฟันเทียมแบบดั้งเดิม (Conventional Implant)

การทำรากฟันเทียมแบบดั้งเดิม คือ การใส่รากฟันเทียมหลังจากที่กระดูกและแผลจากการถอนฟันหายสนิทแล้ว เป็นการรักษาที่มีหลายขั้นตอน และใช้ระยะเวลานานที่สุด เพราะจะต้องใส่รากฟันเทียม และรอให้รากฟันเทียมกับกระดูกยึดติดกันก่อนประมาณ 3 – 4 เดือน แล้วค่อยนัดมาทำการใส่ครอบฟันทีหลัง

แม้ว่าจะใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน แต่การทำรากฟันเทียมด้วยวิธีนี้ จะทำให้ได้ฟันปลอมแบบติดแน่นที่มีความมั่นคงแข็งแรง อีกทั้งยังสามารถใช้รักษาในผู้ที่จำเป็นต้องปลูกถ่ายกระดูก หรือปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเหงือกได้อีก

2. การทำรากฟันเทียมหลังถอนฟันทันที (Immediate Implant Placement)

การทำรากฟันเทียมหลังถอนฟันทันที คือ การใส่รากฟันเทียมหลังจากที่ถอนฟันทันที โดยไม่รอให้กระดูกหรือแผลหายสนิทก่อน วิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการรักษารากฟันเทียมได้มาก อีกทั้งยังช่วยลดการละลายของกระดูก และการเกิดเหงือกร่นได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การทำรากฟันเทียมหลังถอนฟันทันทีจะสามารถทำได้เฉพาะบริเวณฟันหน้า หรือฟันกรามน้อย ต้องมีกระดูกขากรรไกรเพียงพอ และต้องไม่มีพยาธิสภาพที่ปลายรากฟันของฟันที่จะถอนด้วย

3. การทำรากฟันเทียมพร้อมฟันปลอม (Immediate Loaded Implant)

การทำรากฟันเทียมพร้อมฟันปลอม คือ การใส่รากฟันเทียมและครอบฟันทันที ซึ่งอาจเป็นครอบฟันชั่วคราว หรือครอบฟันถาวรก็ได้ วิธีนี้เป็นวิธีรักษารากฟันเทียมที่ใช้เวลารักษาน้อยที่สุด แต่ก็มีข้อจำกัดมากที่สุดเช่นกัน

การทำรากฟันเทียมพร้อมฟันปลอมนั้น สามารถทำได้เฉพาะฟันหน้า หรือฟันกรามน้อยเท่านั้น โดยบริเวณที่ใส่รากฟันเทียมจะต้องมีสภาพกระดูกขากรรไกรสมบูรณ์ มีปริมาณกระดูกเพียงพอ และมีลักษณะการสบของฟันเหมาะสม อีกทั้งยังต้องใช้ความชำนาญในการรักษาของทันตแพทย์อย่างมาก เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังทำการรักษา

ใส่รากฟันเทียม

ข้อดีของการใส่รากฟันเทียมที่คุณอาจไม่เคยรู้

การใส่รากฟันเทียมมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • ได้ฟันปลอมถาวรที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งในเรื่องของรูปร่าง ความสวยงาม และประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว
  • การใส่รากฟันเทียมและครอบฟันส่งผลต่อการออกเสียงน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับการใส่ฟันปลอมชนิดอื่น ๆ จึงทำให้สามารถพูดจาได้ชัดถ้อยชัดคำเหมือนเดิม
  • การใส่รากฟันเทียมไม่จำเป็นต้องกรอแต่งฟันข้างเคียงเหมือนกับการใส่ฟันปลอมชนิดอื่น ๆ
  • รากฟันเทียมและครอบฟันมีความทนทานสูง หากดูแลรักษาความสะอาดอย่างเหมาะสม รากฟันเทียมและครอบฟันอาจอยู่ได้ตลอดชีวิต
  • เพิ่มความสะดวกสบาย และทำให้คุณภาพของชีวิตดีขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องถอดออก และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายเหมือนกับฟันปกติ

ใส่รากฟันเทียม

การใส่รากฟันเทียมเหมาะกับใครบ้าง

ผู้ที่เหมาะจะใส่รากฟันเทียม มีดังนี้

  • ผู้ที่สูญเสียฟันแท้จากอุบัติเหตุ หรือรากฟันอักเสบจนไม่สามารถรักษารากฟันได้
  • ผู้ที่มีฟันแตกและหักที่จำเป็นจะต้องรักษาด้วยวิธีการถอนฟัน
  • ผู้ที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ หรือไม่ชอบใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
  • ผู้ที่ไม่ต้องการกรอฟันข้างเคียงเพื่อทำสะพานฟัน
  • ผู้ที่ใส่ฟันปลอมทั้งปาก แล้วมีปัญหากระดูกขากรรไกรยุบตัวลงมาก

ใครบ้างไม่แนะนำให้ใส่รากฟันเทียม

การใส่รากฟันเทียมนั้น สามารถทำได้ในผู้ที่สูญเสียฟันแท้เกือบทุกคน แต่ในบางรายอาจมีข้อจำกัดบางอย่าง ซึ่งจะต้องปรึกษาทันตแพทย์เพิ่มเติม ดังนี้

  • ผู้หญิงที่กำลังอยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ แนะนำให้ทำรากฟันเทียมหลังคลอดบุตรเสร็จเรียบร้อยดีกว่า เพราะการใส่รากฟันเทียมอาจทำให้เกิดความเครียดได้
  • ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เพราะจะมีความเสี่ยงที่กระดูกไม่ผสานเข้ากับรากฟันเทียมสูงกว่าคนทั่วไป และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าปกติ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ยังควบคุมไม่ได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง โรคลูคิเมีย หรือโรคไฮเปอร์ไทรอยด์ หากต้องการใส่รากฟันเทียม ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาอยู่ก่อน

การใส่รากฟันเทียม เป็นขั้นตอนการรักษาที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาสูง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์การรักษาที่ได้ก็คุ้มค่า เพราะคุณจะได้รับฟันใหม่ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด อีกทั้งยังทำความสะอาดง่าย และมีความทนทานสูง หากสนใจทำรากฟันเทียม สามารถนัดวันและเวลาเพื่อขอรับคำปรึกษากับทันตแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษารากฟันเทียม จากศูนย์ทันตกรรมทันตกิจได้เลย

ทำนัดหมาย Make an appointment