รวม 8 พฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน

หากถามถึงปัญหาสุขภาพฟันและช่องปากที่พบเจอได้บ่อย ๆ  หนึ่งในนั้นจะต้องมี อาการเสียวฟัน ร่วมอยู่ด้วยแน่นอน เพราะเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักเป็นอาการแสดงเริ่มต้นของโรคฟันอื่น ๆ อย่างเช่นฟันผุทะลุโพรงประสาท เหงือกอักเสบ หรือคอฟันสึก 

สำหรับใครที่รู้สึกเสียวฟันบ่อย ๆ นั้น ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเราจะพาไปทำความรู้จักกับสาเหตุและพฤติกรรมที่อาจทำให้รู้สึกเสียวจี๊ด ๆ บริเวณฟัน รับรองว่าอ่านจบแล้วคุณจะสามารถดูแลสุขภาพฟันและช่องปากได้ดีขึ้นแน่นอน

อาการเสียวฟันคืออะไร?

การเสียวฟัน เป็นอาการปวดฟันประเภทหนึ่ง เกิดจากการตอบสนองของเส้นประสาทในฟันไวกว่าปกติต่อสิ่งกระตุ้นภายนอก เช่น การรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนจัด เย็นจัด เปรี้ยวจัด หรือหวาน รวมถึงการสัมผัสอากาศ และการแปรงฟัน

อาการเสียวฟันเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ปกติแล้ว เส้นประสาทในเนื้อฟันจะได้รับการปกป้องจากชั้นเคลือบฟัน ผิวหน้าฟัน หรือเหงือก แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายหรือสูญเสียไปจากสาเหตุต่าง ๆ จะทำให้เส้นประสาทฟันที่อยู่ในเนื้อฟันไม่มีสิ่งป้องกัน และสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ โดยตรง ทำให้ตอบสนองไวกว่าปกติ และเกิดอาการเสียวจี๊ด ๆ ที่ฟันตามมา

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ชั้นเคลือบฟัน ผิวหน้าฟัน หรือเหงือกได้รับความเสียหาย มีดังนี้

  • การแปรงฟันผิดวิธี หรือแปรงฟันแรงเกินไปจนทำให้ชั้นเคลือบฟันบริเวณคอฟันถูกทำลาย และเกิดรอยสึกที่คอฟัน รวมถึงยังทำให้เหงือกร่นจนทำให้รากฟันโผล่ด้วย
  • การสะสมของคราบหินปูนมากเกินไป ส่งผลให้เหงือกอักเสบ เหงือกร่น และฟันผุตามมา
  • ชั้นผิวเคลือบฟันถูกทำลายจากการดื่มเครื่องดื่มที่เป็นกรด เช่น โซดา หรือน้ำอัดลม
  • ฟันบิ่น หรือแตกหักจากอุบัติเหตุ จนทำให้เห็นเนื้อฟัน
  • ผลข้างเคียงจากการอุดฟันที่ผุ เช่น อุดฟันไม่สมบูรณ์ในบางจุด หรืออุดฟันสูงเกินไปจนทำให้การสบฟันไม่พอดีกัน

รวม 8 พฤติกรรมประจำวันที่ทำให้เกิดอาการเสียวฟัน

เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลสุขภาพฟันและช่องปากได้ดียิ่งขึ้น เราได้รวบรวม 8 พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจส่งผลกระทบให้ชั้นเคลือบฟัน ผิวหน้าฟัน หรือเหงือกได้รับความเสียหาย จนทำให้เกิดอาการเสียวฟันตามมาได้ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน

  • แปรงฟันแรง ๆ

การแปรงฟันแรงเกินไป หรือใช้ขนแปรงสีฟันที่แข็ง จะทำให้ชั้นเคลือบฟันบริเวณคอฟันถูกทำลายจนทำให้เกิดฟันสึก นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบให้เหงือกร่น หรือเกิดการอักเสบได้อีกด้วย

  • เคี้ยวน้ำแข็ง

แม้ว่าฟันของเราจะเป็นอวัยวะที่ใช้ในการบดเคี้ยวอาหารต่าง ๆ แต่ก็ไม่ควรที่จะไปเคี้ยวอาหารที่เป็นของแข็งอย่างน้ำแข็ง หรือกระดูกอ่อนได้ เพราะอาจทำให้ฟันบิ่น หรือแตกหักจนเห็นเนื้อฟันได้

  • ใช้ฟันเปิดขวดน้ำ

เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่คนมักทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และอาจเสี่ยงทำให้เกิดฟันบิ่น ฟันแตก หรือฟันหักได้

  • รับประทานขนมหวานจัด

เมื่อเรารับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงเข้าไป น้ำลายจะเข้ามาทำการย่อยน้ำตาลให้กลายเป็นกรด ซึ่งกรดเหล่านี้จะเข้าไปแทรกซึมในเนื้อฟันและเส้นประสาทฟันจนทำให้เกิดอาการเสียวที่ฟันได้ โดยเฉพาะใครที่มีฟันผุมาก ๆ หรือคอฟันสึก อาจรู้สึกปวดฟันไล่ไปตามแนวสันกรามจนถึงศีรษะได้เลย

  • รับประทานอาหารรสเปรี้ยวจัด

อาหารที่มีรสชาติเปรี้ยวจัดจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะส่งผลกระทบให้ผิวเคลือบฟันถูกทำลาย และค่อย ๆ บางลง จึงไม่ควรที่จะรับประทานบ่อยเกินไป

  • การดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ

น้ำอัดลมมีฤทธิ์เป็นกรดและมีน้ำตาลสูง เมื่อดื่มเข้าไปเป็นประจำทุกวัน จะทำให้ชั้นผิวเคลือบฟันถูกทำลายเหมือนกับการรับประทานอาหารรสเปรี้ยว ส่วนน้ำตาลก็จะถูกน้ำลายย่อยเป็นกรด แล้วเข้าไปแทรกซึมในเนื้อฟันและเส้นประสาทฟันจนทำให้เกิดอาการเสียวที่ฟันอีกด้วย

  • การสูบบุหรี่

ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำจะมีความเสี่ยงเป็นโรคเหงือกอักเสบได้มากกว่าคนทั่วไป 3 – 4 เท่า เพราะการสูบบุหรี่จะส่งผลกระทบให้ประสิทธิภาพการหมุนเวียนโลหิตในช่องปากลดลง ส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติในช่องปาก แล้วทำให้แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคเหงือกร้ายแรงมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมีฤทธิ์ร้ายแรงขึ้นนั่นเอง

ตรวจสุขภาพฟันและช่องปากที่ศูนย์ทันตกรรมทันตกิจ

สำหรับใครที่มีอาการเสียวฟันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากการถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าต่าง ๆ เช่น การแปรงฟัน การรับประทานอาหาร การสูบบุหรี่ หรืออากาศ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะอาจเป็นสัญญาณความผิดปกติของฟันอื่น ๆ ที่ร้ายแรงได้ หากไม่รู้จะไปตรวจที่คลินิกทันตกรรมไหนดี สามารถขอคำปรึกษาที่ศูนย์ทันตกรรมทันตกิจได้ เรามีทีมทันตแพทย์มากประสบการณ์ที่พร้อมจะดูแลทุกเคสด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าอาการเสียวที่ฟันจะเกิดจากสาเหตุใดก็สามารถรักษาได้ที่นี่

ทำนัดหมาย Make an appointment