อยากยิ้มสวยต้องงด! รวมอาหารที่ทำให้ฟันผุและเกิดปัญหาอื่น ๆ ในช่องปาก

แม้ว่าฟันจะมีหน้าที่ช่วยเคี้ยวอาหาร ทำให้เรารับประทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย แต่ใช่ว่าจะสามารถรับประทานอาหารได้หมดทุกอย่าง ทุกประเภท เพราะมีอาหารหลายชนิดที่รับประทานบ่อย ๆ แล้ว อาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคฟันผุ หรือปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ตามมาได้ แล้วอาหารที่ทำให้ฟันผุมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

หน้าที่ของฟันกับการรับประทานอาหาร

หากถามว่าฟันทำหน้าที่อะไร? ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า หน้าที่ของฟันหลัก ๆ คือ เป็นอวัยวะที่ใช้ในเคี้ยว กัด และฉีกอาหารให้ละเอียด ช่วยให้กลืนอาหารได้สะดวก และทำให้ระบบย่อยอาหารในร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องดูแลรักษาฟันและช่องปากด้วยความใส่ใจ เลือกรับประทานอาหารที่ไม่ทำให้ฟันผุ และทำความสะอาดฟันและช่องปากอย่างถูกวิธี

เพราะถ้าหากเกิดโรคฟันและช่องปากต่าง ๆ เช่น ฟันผุ, ฟันแตกหัก, เหงือกอักเสบ หรือรากฟันอักเสบ จนทำให้สูญเสียฟัน นอกจากจะทำให้เราเจ็บปวดแล้ว ยังส่งผลให้เราเคี้ยวอาหารไม่สะดวก ทำให้รับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ได้น้อยลง ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็น และนำไปสู่การเกิดโรคอื่น ๆ ในร่างกายตามมาได้

หน้าที่ของฟันไม่ดีมีแค่รับประทานอาหารเท่านั้น ฟันยังมีส่วนช่วยในการออกเสียงพยัญชนะต่าง ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศให้พูดได้ชัดเจน สร้างรอยยิ้มที่สวยงาม และเสริมบุคลิกภาพให้มั่นใจ การดูแลสุขภาพฟันและช่องปากให้แข็งแรงอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรละเลยนั่นเอง

รวม 6 อาหารที่ทำให้ฟันผุและเสี่ยงเกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ในช่องปาก

มีอาหารหลายชนิดที่ไม่ควรรับประทานบ่อยจนเกินไป หรือควรแปรงฟันหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เพราะเสี่ยงทำให้เกิดคราบพลัค (Plaque) ซึ่งเป็นแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่เกิดจากแบคทีเรียและน้ำตาล มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มเหนียว ๆ ไร้สีเกาะอยู่บนผิวฟัน 

คราบพลัคเหล่านี้ หากไม่ทำความสะอาดออกทุกวันอย่างถูกวิธี จะเกิดการตกค้าง แข็งตัว และกลายเป็นหินปูน และเมื่อหินปูนสะสมมาก ๆ ก็จะทำให้เกิดโรคฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบได้ โดยอาหารที่ทำให้ฟันผุที่รับประทานบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน มีดังนี้

1. น้ำอัดลมและน้ำหวาน

ในช่วงที่อากาศร้อน ๆ ทำงานมาเหนื่อย ๆ การได้ดื่มน้ำอัดลม หรือน้ำหวานเย็น ๆ สักแก้ว ก็ช่วยสร้างความสดชื่นให้กับร่างกายได้ไม่น้อย แต่ไม่ควรดื่มบ่อยจนเกินไป เพราะน้ำตาลที่อยู่ในน้ำหวานและน้ำอัดลมจะทำให้เกิดคราบพลัคได้ง่าย อีกทั้งกรดคาร์บอนิก (Carbonic acid) ที่อยู่น้ำอัดลม ยังมีฤทธิ์กัดกร่อนผิวเคลือบฟัน และเป็นต้นเหตุทำให้ฟันสึกกร่อนได้มากที่สุดด้วย

2. ผลไม้รสเปรี้ยวจัด

ผลไม้รสเปรี้ยวต่าง ๆ เช่น มะยม มะนาว มะม่วง มะขาม สับปะรด แอปเปิลเขียว มะเฟือง หรือตะลิงปลิง จะมีค่าความเป็นกรดค่อนข้างสูง เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้ว กรดที่อยู่ผลไม้จะทำให้เกิดความระคายเคืองที่เนื้อเยื่อในช่องปาก และกัดกร่อนชั้นผิวเคลือบฟันที่คอยปกป้องเนื้อฟันอยู่ หากรับประทานบ่อย ๆ เป็นประจำทุกวัน จะทำให้ผิวเคลือบฟันค่อย ๆ บางลง จนทำให้เกิดอาการเสียวฟัน และฟันผุได้ง่ายกว่าปกติ

3. ไอศกรีมและขนมหวาน

น้ำตาลจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียในช่องปาก และทำให้เกิดคราบพลัคบนผิวฟัน นอกจากนี้ยังทำให้ช่องปากมีค่าความเป็นกรดสูง ซึ่งจะทำให้ผิวเคลือบฟันถูกทำลายได้ง่าย การรับประทานไอศกรีมและขนมหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงบ่อย ๆ จึงเสี่ยงทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายนั่นเอง

4. อาหารแข็ง โดยเฉพาะน้ำแข็ง

แม้ว่าฟันจะมีหน้าที่ในการเคี้ยวอาหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเคี้ยวอาหารได้ทุกชนิด คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นของแข็งและเหนียว เช่น น้ำแข็ง ถั่ว หรือกระดูกหมู เพราะเสี่ยงทำให้เกิดฟันบิ่น แตก หรือหักได้ ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะต้องรักษาด้วยการอุดฟัน หรือทำครอบฟัน (Crown) เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดโรคฟันผุตามมาได้

5. ชาและกาแฟ

สารเทนนิน (Tannin) ที่พบในชาและกาแฟ มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวฟัน และทำให้ฟันสึกกร่อนง่าย การดื่มชาและกาแฟเป็นประจำทุกวันจึงเสี่ยงทำให้เกิดฟันผุได้ สำหรับใครที่ชอบดื่มชาและกาแฟเป็นประจำ แนะนำให้ดื่มในปริมาณที่เหมาะสม และหลังจากดื่มเสร็จแล้ว ให้กลั้วปากด้วยน้ำเปล่าก็จะช่วยเจือจางความเข้มข้นของสารเทนนินที่อยู่ในช่องปากได้

6. ผลไม้อบแห้ง

ผลไม้อบแห้งเป็นอีกหนึ่งอาหารทำให้ฟันผุที่คนหลายคนมองข้ามไป นอกจากจะมีน้ำตาลสูงแล้ว ยังเป็นอาหารที่มีความเหนียวและแข็งด้วย จึงไม่ควรรับประทานบ่อยจนเกินไป และหลังจากรับประทานเสร็จแล้วควรทำความสะอาดฟันและช่องปากให้เหมาะสม

นอกจาก 6 อาหารที่ทำให้ฟันผุนี้ ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่เสี่ยงทำให้ฟันผุ หรือเกิดโรคต่าง ๆ ในช่องปากได้ง่าย หากรับประทานบ่อยเกินไป หรือหลังจากรับประทานแล้วไม่ทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี เพื่อการดูแลสุขภาพฟันและช่องปากให้แข็งแรง จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเหล่านี้ และเลือกรับประทานอาหารที่เสริมให้ฟันแข็งแรง เช่น อาหารที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงอย่าง เต้าหู้, งา, อาหารทะเล, ไข่, นม หรือผักใบเขียว อาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่าง โฮลวีท ธัญพืชขัดสี รวมถึงดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ เพื่อลดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ที่สำคัญที่สุด คือการเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก พร้อมขูดหินปูนกับคลินิกทันตกรรมที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือทุก ๆ 6 เดือน ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพฟันและช่องปากที่แข็งแรงอยู่เสมออย่างแน่นอน

ทำนัดหมาย Make an appointment