แม้ว่าการทำฟันปลอมแบบติดแน่น หรือฟันปลอมถาวรจะสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต แต่ถ้าหากผู้ทำฟันปลอมถาวรดูแลทำความสะอาดช่องปากไม่ถูกวิธี เช่น แปรงฟันไม่สะอาด ไม่ใช้ไหมขัดฟัน หรือไม่เข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก ขูดหินปูน รวมถึงฟันปลอมถาวรทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็อาจส่งผลให้ “รากฟันเทียม” ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของฟันปลอมถาวรเกิดอาการรากฟันเทียมโยก หรือรากฟันเทียมอักเสบ และส่งผลให้เกิดอันตรายตามมาได้
Page Contents
ทำไมต้องฝังรากฟันเทียม
ฟันของคนเราจะมีส่วนของรากฟันที่อยู่ลึกลงไปข้างในเหงือก ทำหน้าที่สร้างความมั่นคงและแข็งแรงให้กับตัวฟัน เมื่อเราสูญเสียฟันไปแล้ว และต้องการที่จะทำฟันปลอมถาวรทดแทน จึงจำเป็นที่จะต้องฝังรากฟันเทียมลงไปยึดติดที่บริเวณกระดูกขากรรไกรก่อน เพื่อให้ตัวฟันปลอมแบบติดแน่น หรือครอบฟัน (Crown) มีที่ยึด
ในกระบวนการทำฟันปลอมแบบติดแน่นนั้น ทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมลงไปก่อน และเว้นระยะเวลาประมาณ 3 – 6 เดือน เพื่อรอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ถึงจะค่อยทำการทำครอบฟันติดลงไป
อย่างไรก็ตาม หากรากฟันเทียมไม่สามารถเชื่อมติดกับกระดูกขากรรไกร หรือเกิดผลข้างเคียงอย่างเบ้ากระดูกขากรรไกรละลายร่วมกับเหงือกเกิดการอักเสบ ก็อาจทำให้รากฟันเทียมโยก หลวม หรือรากฟันเทียมอักเสบได้
อ่านเพิ่มเติม : ทำความรู้จักกับการรักษารากฟันเทียม
อาการรากฟันเทียมโยกมีลักษณะอย่างไร
ลักษณะอาการรากฟันเทียมหลวม หรือโยก จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
- รากฟันเทียมโยกร่วมกับอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ : เช่น เจ็บ บวม เลือดซึม มีหนอง มีกลิ่น หรือรุนแรงถึงขั้นรากฟันเทียมหลุดออกมา ส่วนใหญ่แล้วจะพบในระยะแรกของการรักษา มักเกิดจากผลข้างเคียงของการฝังรากฟันเทียม เช่น รากฟันเทียมไม่เชื่อมติดกับกระดูกขากรรไกร เบ้ากระดูกขากรรไกรละลาย หรือเหงือกอักเสบติดเชื้อรุนแรง
- รากฟันเทียมหลวม หรือโยกเฉย ๆ : ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากฝาปิดรากฟันเทียม (Healing Abutment) หลวมจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การสึกหรอของวัสดุ ทันตแพทย์ขันตัวหมุดปิดไม่แน่นพอ หรือเนื้อเยื่อเหงือกมีแรงเค้นตึงมากเกินไปจนทำให้ฝาปิดรากฟันเทียมคลายตัว
รากฟันเทียมโยกอันตรายหรือไม่?
จะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้รากฟันเทียมเกิดการโยก หรือหลวมเป็นหลัก หากเกิดจากผลข้างเคียงของการรักษาก็ถือว่าเป็นอันตรายมาก ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาแก้ไขทันที ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะจะทำให้อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ รุนแรงขึ้นได้
ในส่วนของฝาปิดรากฟันเทียมหลวมนั้น แม้ว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย แต่ก็ต้องรีบไปพบทันตแพทย์เช่นกัน เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจทำให้ฝาปิดรากฟันเทียม หรือตัวครอบฟันหลุด และจำเป็นต้องทำการรักษาใหม่ได้
การดูแลรักษาไม่ให้เกิดปัญหารากฟันเทียมโยก
การดูแลรักษารากฟันเทียมไม่ให้เกิดอาการโยก หรือหลวมก็เหมือนกับการดูแลรักษาฟันและช่องปากทั่วไป แต่อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากกว่าปกติ ดังนี้
1. ทำความสะอาดฟันและช่องปากอย่างถูกวิธี
ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนนอน ใช้เวลาแปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที โดยจะต้องเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่มกับยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ และจะต้องระมัดระวังไม่ให้ใช้แรงมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการเหงือกร่นได้
นอกจากการแปรงฟันแล้ว คุณจะต้องใช้ไหมขัดฟันควบคู่ด้วยทุกครั้ง เพราะการแปรงฟันอาจไม่สามารถกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ในซอกฟันได้หมด ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของคราบหินปูนและช่วยให้สุขภาพเหงือกดีขึ้นได้
2. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่แข็ง หรือเหนียว
แม้ว่าฟันปลอมแบบติดแน่นจะมีความแข็งแรงและมีแรงบดเคี้ยวมากกว่าฟันปลอมชนิดอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแข็งแรงเทียบเท่ากับฟันจริง ๆ จึงควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่เป็นของแข็ง หรือเหนียว เช่น น้ำแข็ง กาละแมร์ ถั่วแข็ง ข้าวโพดฝัก หมากฝรั่ง หรือทอฟฟี่ เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันปลอมแตก หัก หรือกระดูกเบ้าฟันเกิดการละลายจากแรงกระแทกจนส่งผลให้รากฟันเทียมหลวม หรือโยกตามมา
3. เข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและช่องปาก ขูดหินปูน และรากฟันเทียมทุก ๆ 6 เดือน
ในผู้ที่ทำรากฟันเทียม หรือฟันปลอมแบบติดแน่นนั้น คุณควรที่จะเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและช่องปากทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้ทันตแพทย์ทำความสะอาดส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างรากฟันเทียมกับครอบฟัน พร้อมตรวจดูว่ารากฟันเทียมยังคงติดแน่นอยู่หรือเปล่า รวมถึงทำการขูดหินปูนเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบด้วย
จะเห็นได้ว่า อาการรากฟันเทียมโยก มีทั้งอาการที่เป็นอันตราย และไม่เป็นอันตราย แต่ไม่ว่าจะเป็นอาการแบบไหนก็ควรที่จะรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ตามมาจนทำให้การรักษาเป็นได้ยากขึ้นได้ สำหรับใครที่มีปัญหารากฟันเทียมหลวม โยก หรือรากฟันเทียมอักเสบ สามารถเข้ามาตรวจดูอาการที่ศูนย์ทันตกรรมทันตกิจได้ เรามีทันตแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการฝังรากฟันเทียม พร้อมดูแลรักษาทุกเคสด้วยความใส่ใจ